top of page
Search

แลนด์มาร์กใหม่ถูกใจนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม

  • Writer: แจน แจนแจน
    แจน แจนแจน
  • Feb 19, 2021
  • 2 min read

แลนด์มาร์กใหม่ถูกใจนักกีฬาเอ็กซ์ตรีม

เตรียมสเก็ตของคุณให้พร้อม เมื่อเซ็นทรัลพัฒนาหันมาจับเทรนด์กีฬารูปแบบใหม่ เปิดพื้นที่สร้างสปอร์ตคอมมูนิตี้ฟรี สนับสนุนคนไทยออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพรับนิวนอร์มอล หวังสร้างแลนด์มาร์กลานสเก็ตประจำเมืองเอาใจนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมสาย Surfskate และ Skateboard


เรียกว่าตอบโจทย์คนไทยหัวใจเอ็กซ์ตรีมมากเลยทีเดียว ที่ครั้งนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัลภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ พร้อมชูความเป็น Sports Destination และผู้นำด้าน Extreme Community ในทุกหัวเมืองของประเทศไทย จับกระแสสปอร์ตที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ทั้ง Surfskate, Skateboard และ Rollerblades เปิดให้ใช้พื้นที่ฟรี บริเวณลานหน้าศูนย์การค้า 10 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต, ศาลายา, นครราชสีมา, ระยอง, ลำปาง, เชียงราย, คาสิโนออนไลน์ แทงเสีย เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่, หาดใหญ่ และเซ็นทรัล วิลเลจ หวังปั้นให้เป็นแลนด์มาร์กลานสเก็ตแห่งใหม่ของแต่ละหัวเมือง เอาใจคนรักกีฬาเอ็กซ์ตรีม และผู้ที่สนใจ ส่งเสริมให้คนไทยใช้เวลาว่างอย่างมีประโยชน์ และมีสุขภาพที่แข็งแรง อีกทั้งยังเป็น Sport Community ให้กับชุมชน เพื่อให้กลุ่มคนที่มีความชอบเดียวกันทุกเพศทุกวัยได้มีพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างโมเม้นที่ดีร่วมกัน ภายใต้การดูแลความสะอาดและปลอดภัยตามมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ยกการ์ดสูงสุดทั่วไทย” อย่างต่อเนื่อง“ปัจจุบันกีฬา Surfskate ที่เป็นการต่อยอดทักษะมาจากการเล่นเซิร์ฟกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก และมีข้อได้เปรียบตรงที่เล่นได้ง่าย ฝึกได้เร็ว ใช้อุปกรณ์ไม่มาก เพียงแค่ต้องการพื้นที่กว้างขวาง และปลอดภัย ซึ่งเราให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่ทุกส่วนของศูนย์การค้าให้มีประโยชน์กับลูกค้า และชุมชนผู้ที่อยู่อาศัยโดยรอบให้มากที่สุด ซึ่งบริเวณลานด้านหน้าศูนย์การค้าของเซ็นทรัลฯ ตอบโจทย์ได้ทั้งหมดในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬา และการออกกำลังกายทุกรูปแบบ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนต้องหมั่นดูแลสุขภาพ โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ จะเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมในแต่ละชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็น Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละชุมชนทั่วประเทศ” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าว



สำหรับอีก 2 สาขาที่กำลังจะเปิดต่อไปคือ เซ็นทรัลพลาซา ระยอง และเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเซ็นทรัลเวิลด์เตรียมเปิดพื้นที่ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองกว่า 1,000 ตารางเมตร ให้เป็นแลนด์มาร์กลานสเก็ต โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาใช้พื้นที่เล่นได้ฟรีได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 16:00 – 21:00 น. เริ่มวันศุกร์ที่ 26 กพ. 2564 นี้ พร้อมพบกับกูรูสาย Extreme ที่จะมาแนะนำเทคนิคการเล่นแบบใกล้ชิด อีกทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เตรียมแผนร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงร้านค้าภายในศูนย์ เตรียมจัดงาน International Skateboard Competition เพื่อตอกย้ำความเป็น Sports Lifestyle destinations ใจกลางเมือง โดยงานนี้มีบริการน้ำดื่ม และกิจกรรมแจกบัตรส่วนลดต่างๆ จากร้านค้าภายในศูนย์ฯ


เป้าหมายประเทศไทย ลดบริโภคโซเดียมให้ได้ 30% ภายในปี 68


พฤติกรรมคนไทยบริโภคโซเดียม สะท้อนงานวิจัยชี้ชัดคนไทยกินเค็มเกิน 2 เท่า หลายหน่วยงานร่วมมือตั้งเป้าให้คนไทยลดเค็ม เตรียมจัดกิจกรรมวันไตโลก ประจำปี 64 รับคำขวัญ “ไตวายไม่ตายไว แค่ปรับใจและปรับตัว” กระตุ้นเตือนก่อนสายจากผลงานวิจัยล่าสุดในปี 2564 ซึ่งได้รับการพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Hypertension โดยความร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ตีแผ่พฤติกรรมคนไทยบริโภคโซเดียม (เกลือ) เฉลี่ยสูงที่สุดในภาคใต้, ภาคกลาง, ภาคเหนือ, กรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยค่าปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยประชาชนไทยเท่ากับ 3,636 มิลลิกรัมต่อวันหรือเท่ากับเกลือถึง 1.8 ช้อนชาทำให้สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย


กระทรวงสาธารณสุข และเครือข่ายลดบริโภคเค็มและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเน้นความสำคัญของการทำความเข้าใจและการปรับทัศนคติการใช้ชีวิตในการอยู่ร่วมกับโรคไต ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไต ต้องระมัดระวังตนเองให้มากขึ้น ดังนั้น การจัดกิจกรรมวันไตโลก ประจำปี 2564 ในปีนี้ จึงเป็นที่มาของคำขวัญ “ไตวายไม่ตายไว แค่ปรับใจและปรับตัว” โดยกิจกรรมวันไตโลกจะจัดในรูปแบบออนไลน์ ผ่าน FACEBOOK LIVE ของสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ASIAX8 จัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 11 มีนาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 13.30 น. เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ และการป้องกันโรคอย่างเหมาะสมทั้งนี้ ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงการบริโภครสเค็มของคนไทย รวมถึงพบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นทุกปี ถึงแม้ว่าในปี 2564 จะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ก็ตาม แต่จำนวนผู้ป่วยโรคไตของประเทศไทยในปัจจุบัน มีผู้ป่วยเกิดจากการรับประทานเค็ม ทำให้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงถึง 11.5 ล้านคนและโรคไตทะลุถึง 8 ล้านคน ทำให้เป็นปัญหาสาธารณสุขของชาติและประเทศไทยจะต้องเร่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นรศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ นายกสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะลดปริมาณการบริโภคโซเดียมลงให้ได้ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อลดโรคความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อน แต่เนื่องจากข้อมูลการบริโภคโซเดียมในประชากรไทยนั้นมีจำกัด จึงทำให้เกิดงานวิจัย ชื่อ Estimated dietary sodium intake in Thailand: A nation-wide population survey with 24-hour urine collections (J Clin Hypertens. 2021;00:1–11.) โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับความร่วมมือกันระหว่างเครือข่ายลดบริโภคเค็ม สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และคณะสาธารณสุขในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และองค์การอนามัยโลก(WHO) ได้นำไปตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Hypertension โดยเก็บข้อมูลการบริโภคโซเดียมในประชากรไทยทั่วประเทศกว่า 2,388 คน ด้วยวิธีการตรวจเก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง นำมาวิเคราะห์ปริมาณโซเดียมทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นวิธีการที่น่าเชื่อถือและแม่นยำที่สุดในขณะนี้โดยตัวเลขที่ได้จากห้องปฏิบัติการจะถูกคำนวณรวมกับปริมาณโซเดียมที่ขับออกทางอื่นนอกเหนือจากปัสสาวะอีกร้อยละ 10 โดยงานวิจัยชิ้นนี้ มีกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัครที่ได้เก็บข้อมูลได้อย่างครบถ้วนและผ่านเกณฑ์การเข้าร่วมวิจัยทั้งหมด 1,599 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 43 ปี เป็นเพศหญิงร้อยละ 53 และมีภาวะความดันโลหิตสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 30 โดยค่าปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยประชาชนไทยเท่ากับ 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเท่ากับเกลือถึง 1.8 ช้อนชา ซึ่งผลการวิจัยพบปริมาณการบริโภคโซเดียมเฉลี่ยสูงที่สุดในประชากรภาคใต้จำนวน 4,108 มก./วัน รองลงมาคือภาคกลาง จำนวน 3,760 มก./วัน, ภาคเหนือจำนวน 3,563 มก./วัน, กรุงเทพมหานครจำนวน 3,496 มก./วันและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 3,316 มก./วัน ตามลำดับ



ทางทีมวิจัยยังพบว่า ผู้ที่มีระดับการศึกษาสูง น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ปกติ และคนที่มีความดันโลหิตสูง มีการบริโภคโซเดียมมากกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสรุปแล้ว คนไทยบริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึงเกือบ 2 เท่า (องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคโซเดียมไม่เกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม) การศึกษานี้เป็นการศึกษาแรกในประเทศไทยที่ใช้วิธีสำรวจมาตรฐานอย่างเป็นระบบ จึงเป็นประโยชน์มากต่อการเปรียบเทียบข้อมูลการบริโภคโซเดียมของคนไทยในอนาคต

 
 
 

Comments


Post: Blog2_Post
  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn

©2021 by sak1111jan. Proudly created with Wix.com

bottom of page